tag:blogger.com,1999:blog-27923333754260824152024-03-12T21:58:50.625-07:00Wathanya NakhoAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/16560303746716549264noreply@blogger.comBlogger6125tag:blogger.com,1999:blog-2792333375426082415.post-33721347008863000542013-02-16T06:40:00.002-08:002013-02-16T06:40:29.875-08:00หน่วยความจำหลัก<b><span style="color: #0b5394; font-family: MS Sans Serif; font-size: large;">หน่วยความจำหลัก (Main Memory Unit)</span></b><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: large;">หน่วยความจำหลักที่นิยมใช้งานอยู่ในปัจจุบัน สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ</span><br />
<ul>
<li><span style="font-size: large;"><span style="color: #cc0000;"><span style="font-family: MS Sans Serif;"><b>หน่วยความจำหลักแบบอ่านได้อย่างเดียว (Read Only Memory)</b></span> </span></span></li>
</ul>
<blockquote>
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: large;">นิยมเรียกสั้น ๆ ว่า <span style="color: #996600;">รอม (ROM) </span>คือหน่วยความจำที่เก็บชุดคำสั่งที่ใช้ในการเริ่มต้นการทำงานหรือชุดคำสั่งที่สำคัญ ๆ ของระบบคอมพิวเตอร์ โดยคำสั่งที่ใช้ในชิปชื่อ<i> </i><span style="color: #996600;">ROM BIOS (Basic Input/Output System) </span>เนื่องจากรอมมีคุณสมบัติในการเก็บข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้าหล่อเลี้ยง นั่นคือ แม้จะปิดเครื่องแล้วเมื่อเปิดเครื่องใหม่ข้อมูลในรอมก็ยังอยู่เหมือนเดิม แต่ข้อเสียของรอมคือหน่วยความจำชนิดนี้ไม่สามารถแก้ไขหรือเพิ่มเติมชุดคำสั่งได้ในภายหลัง รวมทั้งมีความเร็วในการทำงานช้ากว่าหน่วยความจำแบบแรม </span><br />
<blockquote>
<span style="font-size: large;"><span style="font-family: MS Sans Serif;"><b>นอกจากนี้ ในปัจจุบันมีรอมที่เป็นชิปพิเศษแบบต่าง ๆ อีก คือ</b></span> </span><br />
<ul type="circle">
<li><span style="font-size: large;"><span style="color: #b45f06; font-family: MS Sans Serif;"><b>PROM (Programmable Read-Only Memory)</b></span> </span></li>
</ul>
</blockquote>
<ul><blockquote>
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: large;">เป็นหน่วยความจำแบบรอม ที่สามารถบันทึกด้วยเครื่องบันทึกพิเศษได้หนึ่งครั้ง จากนั้นจะลบหรือแก้ไขไม่ได้</span></blockquote>
<ul>
<li><span style="font-size: large;"><span style="color: #e69138; font-family: MS Sans Serif;"><b>EPROM (Erasable PROM)</b></span> </span></li>
</ul>
<blockquote>
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: large;">เป็นหน่วยความจำรอม ที่ใช้แสงอัลตราไวโอเลตในการเขียนข้อมูล สามารถนำออกจากคอมพิวเตอร์โดยใช้เครื่องมือพิเศษและบันทึกข้อมูลใหม่ได้</span></blockquote>
<ul>
<li><span style="font-size: large;"><span style="color: #f1c232; font-family: MS Sans Serif;"><b>EEPROM (Electrically Erasable PROM)</b></span> </span></li>
</ul>
<blockquote>
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: large;">จะเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดซึ่งรวมเอาข้อดีของรอมและแรมเข้าด้วยกัน เป็นชิปที่ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าในการหล่อเลี้ยงและสามารถเขียน แก้ไขหรือลบข้อมูลที่เก็บไว้ได้ด้วยโปรแกรมพิเศษ โดยไม่ต้องถอดออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ ทำให้เปรียบเสมือนกับหน่วยเก็บข้อมูลสำรองที่มีความเร็วสูง หน่วยความจำชนิดนี้มีข้อด้อย 2 ประการเมื่อเทียบกับหน่วยเก็บข้อมูลสำรอง นั่นคือราคาที่สูงและมีความจุข้อมูลต่ำกว่ามาก ทำให้การใช้งานยังจำกัดอยู่กับงานที่ต้องการความเร็วสูงและเก็บข้อมูลไม่มากนัก ตัวอย่างของหน่วยความจำเป็นแบบที่รู้จักกันดีคือ<i> </i><span style="color: #996600;">หน่วยความจำแบบ Flash </span>ซึ่งนิยมนำมาใช้เก็บในเครื่องรุ่นใหม่ ๆ</span></blockquote>
</ul>
</blockquote>
<ul>
<li><span style="color: #990099; font-family: MS Sans Serif; font-size: large;"><b><span style="color: #134f5c;">หน่วยความจำหลักแบบแก้ไขได้ (Random Access Memory)</span> </b></span></li>
</ul>
<blockquote>
<span style="font-size: large;"><span style="font-family: MS Sans Serif;">นิยมเรียกสั้น ๆ ว่า <span style="color: #996600;">แรม (Ram) </span>หมายถึงหน่วยความจำความเร็วสูงซึ่งเป็นที่เก็บโปรแกรมและข้อมูลในคอมพิวเตอร์ ถ้าไม่มีหน่วยความจำนี้โปรเซสเซอร์ก็จะทำงานไม่ได้เลย เนื่องจากหน่วยความจำแรมเป็นเสมือนกระดาษทด ที่เก็บข้อมูลทุกอย่างที่โปรเซสเซอร์ใช้ในขณะกำลังทำงานอยู่ เพราะอุปกรณ์ที่เก็บข้อมูลอื่น เช่น ดิสก์ไดรฟ์ จะมีความเร็วในการอ่านและบันทึกข้อมูลช้ามาก ขณะที่ซีพียูทำงานจึงต้องทำงานกับหน่วยความจำแรมที่มีความเร็วสูงเสมอ</span> </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: large;">โดยปกติแล้วถ้าคอมพิวเตอร์มีหน่วยความจำมากก็สามารถทำงานได้เร็วขึ้น เพราะมีเนื้อที่สำหรับเก็บคำสั่งโปรแกรมต่าง ๆ ได้ทั้งหมด ไม่ต้องเรียกคำสั่งที่ใช้มาจากหน่วยเก็บข้อมูลสำรอง ซึ่งจะทำให้การทำงานช้าลงอย่างมาก <span style="color: #996600;">แผงวงจรหลัก (main board) </span>ที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยปกติจะถูกออกแบบมาให้สามารถเพิ่ม <span style="color: #996600;">ชิปหน่วยความจำ (memory chip) </span>ได้โดยง่าย เนื่องจากถ้าผู้ใช้ต้องทำงานกับโปรแกรมที่มีการคำนวณซับซ้อนหรือทำงานกับภาพกราฟิก ก็อาจจำเป็นต้องทำการเพิ่มหน่วยความจำให้มากขึ้น</span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: large;">คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ส่วนมากจำเป็นต้องมีหน่วยความจำ จำนวนมาก เนื่องจากมักจะนำคอมพิวเตอร์เหล่านั้นมาใช้ประมวลผลโปรแกรมจำนวนหลาย ๆ โปรแกรมพร้อม ๆ กันเสมอ เช่น ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Cray-4 ต้องใช้หน่วยความจำแรมอย่างน้อย 256 เมกะไบต์ เครื่องมินิคอมพิวเตอร์ DEC AXP/150 ใช้หน่วยความจำแรมอย่างน้อย 128 เมกะไบต์ เนื่องจากการที่มีผู้ใช้หลายคนทำงานพร้อม ๆ กัน โดยใช้หลักการของ <span style="color: #996600;">มัลติโปรเซสซิ่ง (multiprocessing) </span>จะต้องมีการแบ่งเนื้อที่ในหน่วยความจำ เพื่อเก็บโปรแกรมแต่ละโปรแกรมให้สามารถทำงานไปได้พร้อมกัน</span></blockquote>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/16560303746716549264noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2792333375426082415.post-25960645687866215032013-02-14T07:06:00.000-08:002013-02-16T06:39:16.350-08:00จอภาพ<span style="font-size: large;"><span style="font-size: x-large;"> <span style="color: #e06666;">จอภาพ</span></span> เป็นอุปกรณ์ที่รับสัญญาณจากการ์ดแสดงผล มาแสดงเป็นภาพบน จอภาพ ซึ่งเทคโนโลยีจอภาพในปัจจุบันคงจะเป็น จอภาพแบบ Trinitron และ Flat Screen(จอแบน) ไม่ว่าจะเป็น CRT(moniter ทั่วไป) หรือ LCD (จอที่มีลักษณะแบนเรียบทั้งตัวเครื่อง) จอแบนจะมีประสิทธิภาพ ในการแสดงผลมากกว่าจอปกติ เพราะสามารถลดแสดงสะท้อนได้ดี กว่าทำให้ไม่เกิดอาการเมื่อยล้า และปวดตาเมื่อต้องทำงานนาน ๆ แต่ ราคาของจอแบนยังมีราคาสูงกว่า จอปกติพอสมควรทำให้ยังไม่เป็น ที่นิยมมากนัก แต่ในอนาคตอันใกล้จอแบนคงจะมีราคาที่ถูกกว่านี้ <br />และเป็นมาตรฐานของจอภาพคอมพิวเตอร์ในอนาคต</span> <br />
<div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;">
<a href="http://www.chakkham.ac.th/technology/computer1/pics/775FT11.JPG" imageanchor="1" style="clear: right; cssfloat: right; float: right; height: 127px; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em; width: 180px;"><img align="right" border="0" height="150" src="http://www.chakkham.ac.th/technology/computer1/pics/775FT11.JPG" width="150" /></a></div>
<span style="font-size: large;">การที่ผู้ใช้มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ปรากฏบนจอภาพได้นั้น เป็นเพราะฮาร์ดแวร์อีกตัวหนึ่ง ที่ทำงาน ควบคู่กับจอภาพเรียกว่า การ์ดสำหรับแสดงผลจอภาพ (Display Adapter Card) เป็นวงจรภายใน เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำงานร่วมกับจอภาพ</span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/16560303746716549264noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2792333375426082415.post-15902852751296060322013-02-13T06:41:00.003-08:002013-02-13T06:41:42.588-08:00ซีพียู<span class="style2"><span style="font-size: large;"><strong><span style="color: magenta; font-size: x-large;">ซีพียู (CPU)</span></strong> คือ อุปกรณ์ตัวหนึ่งที่มีความสำคัญและจำเป็นในการทำงานของคอมพิวเตอร์ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็นหัวใจของคอมพิวเตอร์เลยก็ได้ ซีพียู เป็นตัวควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ต่อพ่วงที่ต่อร่วมกับคอมพิวเตอร์ โดย จะเป็นตัวกำหนดความสำคัญของอุปกรณ์ว่าตัวใดมีความสำคัญมากกว่าซึ่งหากติดตั้งอุปกรณ์ 2 ตัวที่อินเทอรัพ, การแจ้งกับซีพียูว่าจะขอเฉพาะอุปกรณ์ที่มีความสำคัญมากกว่าเท่านั้น ส่วนตัวที่สำคัญน้อยกว่าจะไม่สามารถใช้งานได้ เช่น ถ้าเราต่อการ์ดจอภาพกับการ์ดเสียงที่อินเทอรัพเดียวกัน ซีพียู จะเลือกให้ใช้ได้เฉพาะการ์ดจอภาพเท่านั้น</span></span><br />
<br />
<span class="style2"><span style="font-size: large;"><strong><span style="color: #e06666;">การทำงานของคอมพิวเตอร์</span> </strong>ใช้หลักการเก็บคำสั่งไว้ที่หน่วยความจำ ซีพียูอ่านคำสั่งจากหน่วยความจำมาแปลความหมายและกระทำตามเรียงกันไปทีละคำสั่ง หน้าที่หลักของซีพียู คือควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ทั้งระบบ ตลอดจนทำการประมวลผล</span></span><br />
<span class="style2"><span style="font-size: large;"><br /><strong><span style="color: #e69138;">กลไกการทำงานของซีพียู</span></strong> มีความสลับซับซ้อน ผู้พัฒนาซีพียูได้สร้างกลไกให้ทำงานได้ดีขึ้น โดยแบ่งการทำงานเป็นส่วน ๆ มีการทำงานแบบขนาน และทำงานเหลื่อมกันเพื่อให้ทำงานได้เร็วขึ้น</span></span><br />
<br />
<div class="style78">
<span style="color: #f1c232; font-size: large;"><strong>ปัจจัยที่มีผลต่อความเร็วของซีพียู</strong></span></div>
<div>
<strong></strong><br /><span style="font-size: large;">ความสามารถในการประมวลผล (Processing Power) คือประสิทธิภาพและความเร็วในการทำงานของซีพียู ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดหรือรุ่นของซีพียู เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer) โดยทั่วไปจะใช้ซีพียูในตระกูลของอินเทล เช่น Pentium I, Pentium II, Pentium III ส่วนเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นจะใช้ซีพียูที่ต่างกันออกไป<br />คอมพิวเตอร์ทำงานด้วยความเร็วที่แตกต่างกันซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ดังนี้ </span></div>
<div>
<br /><span style="font-size: large;">• รีจิสเตอร์ <br />• หน่วยความจำภายนอก <br />• สัญญาณนาฬิกา เป็นจังหวะ สัญญาณ (Pulse) ในหนึ่งรอบสัญญาณ (Clock Cycle) คอมพิวเตอร์จะคำนวณหนึ่งครั้ง ส่วนความเร็วของรอบสัญญาณ คือจำนวนรอบของสัญญาณต่อวินาที ซึ่งมีความเร็วมากกว่า 100 ล้านรอบต่อวินาที (100 Megahertz) (แอนนา 2540: 9) <br />• บัส <br />• หน่วยความจำแคช <br />• Passing Math Operation</span></div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/16560303746716549264noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2792333375426082415.post-71069664806453734732013-02-12T07:28:00.004-08:002013-02-12T07:38:20.703-08:00คุณสมบัติอื่น ๆ ของการ์ดแสดงผล<span style="font-size: large;"><strong> <span style="font-family: Times, "Times New Roman", serif;"> </span></strong><span style="font-family: Times, "Times New Roman", serif;">นอกจากการพิจารณาตัวชิปบนการ์ดแล้ว ในการเลือกการ์ดแสดงผลมาใช้งานยังมีปัจจัยสำคัญอื่น ๆ ที่ต้องนำมาพิจารณาประกอบกันด้วย เพื่อให้ได้การ์ดที่มีประสิทธิภาพตรงกับงานที่ทำอยู่ด้วย เช่น มาตรฐาน การเชื่อมต่อ ชนิดและขนาดของแรมบนการ์ด เป็นต้น </span></span><br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-family: Times, "Times New Roman", serif;"><span style="font-size: large;"><strong> <span style="font-size: x-large;"> <span style="color: red;"> 1. มาตรฐานการเชื่อมต่อ</span></span> </strong>การแสดงผลในปัจจุบันใช้ระบบบัสเชื่อมต่อแบบ AGP ( Accelerated Graphic Port ) ซึ่งมาแทนการเชื่อมต่อแบบ PCI โดยมาตรฐาน AGP นี้ทำให้ได้ความเร็วด้านการแสดงผลเพิ่มขึ้น เริ่มต้นที่ความถี่ 66 MHz(ในระบบบัส PCI ทำงานที่ความถี่33 MHz ) และความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่ 266 MB/s โดยปัจจุบัน พัฒนาไปถึงมาตรฐาน AGP 8x ที่มีความเร็วในการทำงานถึง 2 GB/s เลยทีเดียว </span></span><br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-family: Times, "Times New Roman", serif; font-size: large;">1) มาตรฐาน AGP 4x เป็นมาตรฐานที่มีใช้งานมากที่สุดในปัจจุบัน โดยรับ/ส่งข้อมูลได้ที่ความเร็วเป็น 2 เท่าของ AGP 2x โดยใช้ความกว้างบัส 32 บิต สามารถส่งข้อมูลได้ 4ครั้งใน 1 สัญญาณความถี่ ดังนั้นความถี่ในการส่งข้อมูลจะเท่ากับ266 MHz นั่นคือความเร็ว ในการรับส่งข้อมูลสูงสุดเป็น 266 MHz x 4 Bytes = 1064 MB/s หรือ 1 GB/s </span><br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-family: Times, "Times New Roman", serif; font-size: large;">2) มาตรฐาน AGP 8x AGP 8x เป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อใหม่ที่สามารถทำงานได้ที่ความเร็วสูงสุด 2 GB/sปัจจุบันเมนบอร์ดรุ่นใหม่ ๆ สนับสนุนมาตรฐานนี้กันบ้างแล้ว โดยการ์ดหลาย ๆ รุ่น เช่น ของ WinFast ที่ใช้ชิปกราฟฟิกGeForce FX 5800 หรือการ์ดของ Gigabyte ที่ใช้ชิปกราฟฟิก ATi Radeon 9000 Pro ก็รองรับมาตรฐาน AGP 8x ด้วย </span><br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-family: Times, "Times New Roman", serif; font-size: large;"> <span style="font-size: x-large;"> </span><strong><span style="color: #6aa84f; font-size: x-large;">2. หน่วยความจำบนการ์ดแสดงผล</span> </strong>การทำงานของการ์ดแสดงผลนั้น มีอยู่ 2 โหมด คือใหมด Text และโหมด Gaphic ซึ่งปัจจุบัน ในการทำงานบน Windows นั้นเป็นการแสดงผลในแบบโหมดGraphicซึ่งหน่วยความจำบนการ์ดจะคอยรับข้อมูล ที่มาจากซีพียูถ้าหน่วยความจำ มากก็จะรับข้อมูลจากซีพียูมากช่วยให้การแสดงผลบนจอภาพมีความเร็วสูงขึ้น </span><br />
<span style="font-family: Times, "Times New Roman", serif; font-size: large;"> การพิจารณาหน่วยความจำบนการ์ดแสดงผลนั้น สิ่งที่ควรดูมากที่สุดก็คือเรื่องของประเภทแรมและขนาดแรม แรมที่ใช้บนการ์ดแสดงผลในปัจจุบันมีตั่งแต่ 32-128 MB ซึ่งขนาดของแรมที่มากก็จะช่วยให้คุณภาพการ์ดแสดงผลของการ์ดสูงขึ้นตามไปด้วย สำหรับชนิดของหน่วยความจำที่ใช้กันบนการ์ดแสดงผลในปัจจุบันนั้นมีดังนี้ </span><br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-family: Times, "Times New Roman", serif; font-size: large;">1) แรมชนิด SDRAM เป็นชนิดเดียวกับที่ใช้เป็นหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์นั่นเอง มีอัตราการส่งข้อมูลโดยประมาณ 528 MB ยังคงมีการนำมาใช้บนการ์ดแสดงผลในปัจจุบัน รองจากแรมชนิด DDR SDRAM ที่มักเป็นมาตรฐานของการ์ดแสดงผลรุ่นใหม่ ๆ</span><br />
<span style="font-family: Times, "Times New Roman", serif; font-size: large;">2) แรมชนิด DDR SDRAM เป็นแรมที่ได้รับความนิยมในการนำมาใช้บนการ์ดแสดงผลมากที่สุดในปัจจุบัน เพราะสามารถทำงานได้เร็วกว่าแรมชนิด SDRAM ถึง 2เท่าที่ความถี่เดียวกัน</span><br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-family: Times, "Times New Roman", serif;"><span style="font-size: large;">3) แรมชนิด DDR2 เป็นแรมที่ถูกพัฒนาเพื่อทำงานร่วมกับการ์ดแสดงผลโดยเฉพาะ และจะนำไปใช้ เป็นแรมปกติที่ทำงานร่วมกับซีพียูด้วย DDR2 จะเข้ามาช่วยลดปัญหาคอขวดในการรับส่งข้อมูล ระหว่างชิปกราฟฟิกไปยังหน่วย ความจำบัฟเฟอร์ ทำให้สามารถแสดงผลได้รวดเร็วขึ้น รองรับการทำงานที่ความเร็วมากถึง 1 GHz</span> </span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/16560303746716549264noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2792333375426082415.post-305855758602736382013-02-11T06:37:00.000-08:002013-02-12T07:36:53.162-08:00รู้จักการ์ดแสดงผล การ์ดแสดงผลจะประกอบด้วยส่วนต่างๆที่ไม่ซับซ้อนมากนักโดยส่วนของพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆบนการ์ดจะมีข้อความอธิบาย ไว้ด้วย ซึ่งจะสนับสนุนช่องต่อแบบใดบ้างนั้นก็ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของการ์ดรุ่นนั้นๆด้วยสำหรับส่วนประกอบต่างๆที่สำคัญก็คือชิปกราฟฟิกแรมบนตัวการ์ดพอร์ตเชื่อมต่อสายสัญญาณกับจอภาพ และอินเทอร์เฟสของการ์ด <br />
<div align="center">
</div>
นอกจากนั้นการ์ดบางรุ่นยังมีช่องต่อต่าง ๆ ต่อไปนี้เพิ่มด้วย <br />
ช่อง DVI สำหรับต่อกับจอภาพ LCD<br />
ช่อง Video – in สำหรับรับไฟล์วิดีโอจากกล้องวิดีโอ<br />
ช่อง Video-out สำหรับแสดง/นำไฟล์วิดีโอออกไปยังอุปกรณ์ภายนอก<br />
ช่อง TV-out สำหรับต่อเข้ากับทีวี (เป็นการ์ดแบบ TV-Tunner ) <br />
<div align="center">
</div>
คอมพิวเตอร์รุ่นประหยัดในปัจจุบัน มักจะมีชิปสำหรับแสดงผลติดตั้งมาพร้อมกับเมนบอร์ด หรือเรียกว่า Video on Board อยู่แล้ว ซึ่งส่วนเชื่อมต่อต่าง ๆ ที่ออกมาทางด้านหลังของเมนบอร์ดก็จะมีเพียงพอร์ต VGA สำหรับต่อเข้ากับสายสัญญาณจากจอภาพเท่านั้น Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/16560303746716549264noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2792333375426082415.post-32824352386491303012013-02-10T08:38:00.000-08:002013-02-10T08:47:06.127-08:00การ์ดแสดงผล<span style="font-family: "Trebuchet MS", sans-serif;"><strong><u><span style="color: #0b5394; font-size: large;">การ์ดแสดงผล</span></u></strong> หรือ<span style="font-size: large;"> <b><u><span style="color: #3d85c6;">การ์ดจอ</span></u></b></span> (video card หรือ display card) เป็นอุปกรณ์ที่รับข้อมูลเกี่ยวกับการแสดงผลจากหน่วยความจำ มาคำนวณและประมวลผล จากนั้นจึงส่งข้อมูลในรูปแบบสัญญาณเพื่อนำไปแสดงผลยังอุปกรณ์แสดงผล </span><br />
<span style="font-family: "Trebuchet MS", sans-serif;"><img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5409496144708124050" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiIvXbdx0EusXNueInf7nqrpKXAfEFw6UeDhzz9pd22gsYxIijCawfPQp6xrvOyUlzX5z9vpfC5_RmXXb22hGIM-l3Oy8jgmeooweJiZKdhW6MsMRtrHapGjQ1gFWzf3yc0s_y6REwXGO-k/s320/VGA-Card-GeForce-8800GTS-.jpg" style="float: left; height: 246px; margin: 0px 10px 10px 0px; width: 320px;" /></span><br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<span class="mw-headline"><u><span style="color: #cc0000; font-family: "Trebuchet MS", sans-serif;">ชื่อ</span></u></span><br />
<span style="font-family: "Trebuchet MS", sans-serif;">การ์ดแสดงผลมีชื่อในภาษาอังกฤษหลายคำ รวมถึง video card, display card, graphic adaptor, graphics card, video card, video board, video display board, display adapter, video adapter</span><br />
<br />
<span class="mw-headline" id=".E0.B8.81.E0.B8.B2.E0.B8.A3.E0.B8.97.E0.B8.B3.E0.B8.87.E0.B8.B2.E0.B8.99"><u><span style="color: #e69138; font-family: "Trebuchet MS", sans-serif;">การทำงาน</span></u></span><br />
<span style="font-family: "Trebuchet MS", sans-serif;">การ์ดแสดงผลสมัยเก่าทำหน้าที่แปลงข้อมูลดิจิทัลเป็นสัญญาณเท่านั้น แต่จากกระแสของการ์ดเร่งความเร็วสามมิติ ในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษที่ 90 โดยบริษัท 3dfx และ nVidia ทำให้เทคโนโลยีด้านสามมิติพัฒนาไปมาก ปัจจุบันการ์ดแสดงผลสมัยใหม่ได้รวมความสามารถในการแสดงผลภาพสามมิติมาไว้เป็นมาตรฐาน และได้เรียกชื่อใหม่ว่า GPU (Graphic Processing Unit) โดยสามารถลดงานด้านการแสดงผลของของหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) ได้มาก</span><br />
<span style="font-family: "Trebuchet MS", sans-serif;">ในปัจจุบันการ์ดแสดงผลจำนวนมากไม่อยู่ในรูปของการ์ด แต่จะอยู่เป็นส่วนหนึ่งของแผงเมนบอร์ดซึ่งทำหน้าที่เดียวกัน วงจรแสดงผลเหล่านี้มักมีความสามารถด้านสามมิติค่อนข้างจำกัด แต่ก็เหมาะสมกับงานในสำนักงาน เล่นเว็บ อ่านอีเมล เป็นต้น สำหรับผู้ที่ต้องการความสามารถด้านสามมิติสูง ๆ เช่น ใช้เพื่อเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ยังอยู่ในรูปของการ์ดที่ต้องเสียบเพิ่มเพื่อให้ได้ภาพเคลื่อนไหวที่เป็นสามมิติที่สมจริง ในทางกลับกัน การใช้งานบางประเภท เช่น งานทางการแพทย์ กลับต้องการความสามารถการแสดงภาพสองมิติที่สูงแทนที่จะเป็นแบบสามมิติ</span><br />
<span style="font-family: "Trebuchet MS", sans-serif;">เดิมการ์ดแสดงผลแบบสามมิติอยู่แยกกันคนละการ์ดกับการ์ดแบบสองมิติและต้องมีการต่อสายเชื่อมถึงกัน เช่น การ์ด Voodoo ของบริษัท 3dfx ซึ่งปัจจุบันไม่มีแล้ว ปัจจุบันการ์ดแสดงผลสามมิติมีความสามารถเกี่ยวกับการแสดงผลสองมิติในตัว</span><br />
<br />
<span style="font-family: "Trebuchet MS", sans-serif;"><strong><span style="color: #bf9000;">ประเภทของ การ์ดแสดงผล</span></strong></span><br />
<span style="font-size: small;"><span style="font-family: "Trebuchet MS", sans-serif;"><span style="color: #333399;"><span style="font-size: small;"><span style="color: olive;"><span style="color: black;"><strong>1.AGP(Accelerated Graphics Port)</strong> </span></span></span></span>เป็นพอร์ตรุ่นเดิมในปัจจุบันได้ล้าสมัยไปเพราะมีความเร็วที่ต่ำ</span></span><br />
<br />
<br />
<span style="font-size: small;"><span style="font-family: "Trebuchet MS", sans-serif;"><span style="color: #333399;"><strong><span style="color: olive;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;">2.PCI Express</span></span></span></strong></span><br />เป็นพอร์ตการเชื่อมต่อใหม่ล่าสุด ซึ่งมีความเร็วมากกว่า AGP</span></span><br />
<br />
<span style="font-family: "Trebuchet MS", sans-serif;"><img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5409496232271424434" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiMYrlpG5l_UWXEr4iXJ2QIfrtOUTdtzhDmtmxHZciBo9rC9FuvpHFk0-v6FeOYKNv1nZ-A2l6YrTJNoR04MfCubgMxs0MDIXZQm5CtnEwYmUMZqjPNImLLr-evQpCnOC1IJgCLdL3-wxEa/s320/1242279394_8296.jpg" style="cursor: hand; float: left; height: 254px; margin: 0px 10px 10px 0px; width: 320px;" /></span><br />
<br />
<table align="center" border="0"><tbody>
<tr><td></td></tr>
</tbody></table>
<br />Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/16560303746716549264noreply@blogger.com0